วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Nc-สะบัดพู่กันเขียนราชโองการ


Nc-สะบัดพู่กันเขียนราชโองการ

ข้าไม่มีวันให้ผู้อื่นเห็นเรือนร่างของเจ้าแน่นอน” เจ้าจินเกอกระซิบข้างใบหูของเจ้าลูกแมวน้อยแล้วกัดเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “ให้ข้าได้หรือไม่จิวเมิ่ง ขอให้ข้าได้รักเจ้า”


อ๊ะอ๊า...” เสียงร้องครางหลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มขององค์ชายสามเมื่อถูกมือใหญ่สัมผัสที่ยอดอกข้างหนึ่ง “จินเกอข้ายังไม่อนุญาตเลยนะ”


ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้าจะตอบตกลง ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทนได้กี่น้ำ” 


เจ้าจินเกอ กล่าวก่อนจะยื่นมือไปลูบผิวเนื้อที่ต้นขาด้านในขององค์ชายสามที่นั่งอยู่บนตัวของเขา มือหนากุมส่วนที่อ่อนไหวของจิวเมิ่งแล้วรูดรั้งขึ้นลงอย่างไม่เร่งรีบทว่าทำพร้อมกันกับมืออีกข้างที่ขยี้ยอดอกสีสวยด้านบน จังหวะทั้งสองสอดรับประสานกันจนชินอ๋องจวนจิวฮวาเสียวซ่านดวงตาพร่ามัวแทบจะคุมสติเอาไว้ไม่อยู่


จิน...เกอ เร็วหน่อย” เจ้าของเรือนออกคำสั่ง ทว่าผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเก้าอี้กลับไม่ทำตามอีกทั้งยังหยุดมือไม่ทำต่อไปอีกด้วย


หากอยากให้ข้ารัก เจ้าต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน” จินเกอลูบเอวของเจ้าลูกแมวบนตัก แล้วเอ่ยบอก “คุกเข่าลงแล้วทำให้ข้าพอใจก่อนสิเด็กดี”

จิวเมิ่งที่นั่งบนตักแกร่งเบิกตากว้าง ใบหน้าเล็กขึ้นสีน่ามองยิ่งกว่าเดิม เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้มนุษย์แล้วย่อตัวลงเบื้องหน้าของเจ้าจินเกอ จากนั้นค่อยเอื้อมมือไปปลดเชือกรัดเอวของอีกฝ่ายออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ


เจ้าจินเกอเห็นเช่นนั้นก็จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา มุมปากของแม่ทัพเจ้ายกขึ้นอย่างพอใจ เมื่อเขายื่นมือไปสัมผัสแท่งหยกพันปีแล้วค่อย ๆ อ้าปากแลบลิ้นไล่เลียส่วนหัวอย่างเชื่องช้า ท่าทางเงอะๆ งะๆ ขององค์ชายน้อยทำให้คนข้าบนเอ็นดูยิ่ง


เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าคงต้องรักเจ้าแรงๆ แล้วล่ะ” เมื่อกล่าวจบ มือหนายื่นไปช้อนคางเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับตน ก่อนจะโน้มตัวแล้วกดริมฝีปากลงไปบดเบียดเรียวปากอวบอิ่มอย่างร้อนแรงดุดัน


มือหนาสอดรั้งใต้รักแร้ขององค์ชายสามออกแรงยกจนจิวเมิ่งตัวลอย แม่ทัพเจ้าดึงร่างน้อยไปโอบกอด จูบริมฝีปากนุ่มอย่างล้ำลึกแล้ววางร่างเล็กลงบนโต๊ะตัวใหญ่โดยไม่สนใจว่างบนนั้นจะมีราชโองการที่เพิ่งประทับตราเสร็จหมาดๆ วางอยู่


แม่ทัพใหญ่กวาดของทุกอย่างลงจากโต๊ะแล้วโถมร่างเข้าแนบชิดกับชินอ๋องน้อยป้อนจูบหวานให้คนใต้ร่างอย่างโหยหา จินเกอปลดอาภรณ์บนร่างของจิวเมิ่งออกจนหมดก่อนจะ ค่อยๆ สอดนิ้วหนึ่งเข้าไปในช่องทางด้านหลัง อีกมือลวงหยิบตลบน้ำมันหอมในอกเสื้อมาเปิดใช้ นิ้วมือป้ายของที่เตรียมมาสอดลึกเข้าไปด้านในตัวของเจ้าลูกแมวซ้ำๆ พลางจูบปลอบปากนุ่ม ก่อนจะเลื่อนมือไปประคองความกลมกลึงทั้งสองจับแหวกออกแล้วดันตัวเข้าไป


จิวเมิ่งรู้สึกเจ็บจนหายใจหอบถี่


เขาค่อยๆ ปรับตัวกับสิ่งใหญ่โตที่ทิ่มแทงเข้ามาในร่างอย่างกะทันหัน จากนั้นไม่นานความรู้สึกบางอย่างก็ไต่ขึ้นมาแทนความเจ็บปวดในคราแรกแทน


เจ็บหรือไม่?” แม่ทัพเจ้าเอ่ยถามคนใต้ร่างอย่างห่วงใย ก่อนจะยกยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นเจ้าลูกแมวน้อยส่ายหน้าไปมาอีกทั้งยีงเอื้อมแขนมากอดคอตนเองจึงเพิ่มความเร็วขึ้น


อ๊า...จินเกอ...จินเกอ...อื้อ” จิวเมิ่งร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังลั่นห้อง เจ้าจินเกอทำให้เขายากจะรับไหว ถูกไล่จี้จุดที่ทำให้บ้าคลั่งอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไล่บดขยี้ไม่จบสิ้น ความรู้สึกเสียวซ่านทำให้ท่อนขาเรียวขาวผ่องทั้งสองข้างสั่นเทาไม่หยุด ไม่ต่างจากโต๊ะที่ถูกแรงกระทำของบุรุษด้านบนโยกไปมาจนเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด


เจ้าจินเกอจูบไล้เล็มจากหน้าอกขึ้นไปที่ปลายคาง ข้างแก้มคนรักอย่างรักใคร่ แม่ทัพใหญ่สูดลมหายใจร้องผะผ่าว ซบใบหน้าข้างใบหูจิวเมื่ง แล้วพรมจุมพิตลงไปบนคอ ก่อนจะกล่าวว่า ข้าคิดถึงเจ้า”


จิวเมิ่งส่งเสียงร้องครางออกมา เพราะความเร็วของจังหวะด้านล่างที่สอดลึกเข้าออกนั้นไม่ได้เชื่องช้าอ่อนหวานเฉกเช่นการกระทำด้านบน ตัวเขาสั่นสะท้านตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างแลกจุมพิตกันอย่างเร่าร้อน จนจิวเมิ่งเริ่มหายใจไม่ทัน ไม่นานนักกระแสน้ำอุ่นร้อนสายหนึ่งก็แล่นเข้าสู่ช่วงทางอ่อนนุ่มเช่นเดียวกับองค์ชายน้อยที่ปลดปล่อยออกมาเช่นกัน


จิวเมิ่งที่อ่อนแรงถูกแม่ทัพใหญ่อุ้มขึ้นแล้วเดินไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านข้าง เขาแนบใบหน้าซบกับแผงอกแกร่ง แนบชิดจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวแรงอย่างทรงพลัง


ข้าเองก็คิดถึงท่าน คิดถึงท่านใจจะขาด”


ถ้าเช่นนั้นให้ข้ารักเจ้าอีกครั้งนะคนดี” 


เจ้าจินเกอกล่าวแล้ววางเจ้าลูกแมวลงบนเตียง ร่างสูงใหญ่นอนโอบกอดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง ทั้งสองอยู่ในท่านอนตะแคง มือหนาจับขาขององค์ชายสามยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะดึงดันเข้ามาในช่วงทางอ่อนนุ่มอีกครา


เขาหวีดร้องเมื่อแม่ทัพใหญ่สกุลเจ้าขยับกายสอดใส่เข้าออกอย่างรู้ใจ ค่อยๆ เข้าไปแล้วถอนตัวออกซ้ำๆ จนเขารับรู้ได้ว่ามันแทรกลึกเข้าไปกระทบข้างในร่างตัวเองอย่างไร ความรู้สึกเสียวซ่านกลับมาจู่โจมอีกหนเมื่อถูกอีกฝ่ายโถมกายเข้าออกอย่าดุดันราวกับสัตว์ป่าที่ยังหิวกระหายไม่เลิก


ชู่ว อย่าเสียงดังไป ฟ้ายังสว่างอยู่ข้ากลัวว่าข้ารับใช้จะได้ยินเสียงเจ้า” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็เบะปากให้คนด้านหลังที่ยังคงกระแทกกระทั้นไม่อยู่


ทะ...ท่าน ท่านนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ อ๊า!” 


ใบหน้าของจิวเมิ่งแดงก่ำในขณะริมฝีปากเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วต่อว่าอีกฝ่าย ก่อนจะรู้สึกคล้ายกับว่าหน้ามืดไปวูบหนึ่ง แล้วหวีดร้องสุดเสียงเมื่อถูกจินเกอแทรกกายเข้าลึกกว่าเดิมแล้วบดคลึงต่ออย่างดุดัน


เสี่ยวเมิ่งทำได้แค่สูดลมหายใจเข้าออกตัวสั่นระริก ไม่ต่างจากช่องทางด้านหลังที่หดเกร็งถี่ สายตาเลื่อนลอย ด้านหน้าก็หลั่งออกมาจนกระตุกตัวปลดปล่อยออกมาอีกครา


เจ้าจินเกอผละออกจากตัวเขาแล้วขึ้นคร่อมร่างน้อยพรมจุมพิตซ้ำๆ ด้วยความรักและทะนุถนอม ก่อนจะกล่าวข้างใบหูเล็กด้วยเสียงนุ่มข้ายังไม่พอ”


แต่ข้าไม่ไหวแล้ว” เขาเอ่ยขอร้องอีกฝ่าย แต่ก็ได้แต่ขอเท่านั้นแหละเพราะเจ้าจินเกอไม่คิดจะหยุดรังแกเขาง่ายๆ เพราะในยามนี้แม่ทัพใหญ่รู้สึกแต่เพียงว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ล้วนไม่พอ


แม้ดวงตะวันจะตกจากฟากฟ้า ท้องนภาเปลี่ยนสี....ยังอีกยาวไกลนัก



-กลับไปต่อที่เด็กดีเจ้าค่ะ-

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

NC:จิวฮวา #กุกมินไร้พ่าย -ภูผาไร้ใจสายน้ำเหือดแห้ง-


-nc- ภูผาไร้ใจสายน้ำเหือดแห้ง

          เทียนฮั่วปลดเชือกรัดเอวออกเป็นอันดับแรก มือเรียวสวยโยนอาภรณ์ตัวนอกที่คลุมกายออกอย่างไม่ใส่ใจ

          องค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์คุกเข่าลงตามคำกล่าว พระหัตถ์ล้ำค่าเอื้อมขึ้นมาแตะผิวเนื้อของเจ้าสุนัขจิ้งจอกอย่างแผ่วเบา ลูบไล้ตั้งแต่ซอกคอหอมกรุ่นที่ทำให้ตนหลงใหลมาหลายครั้งหลายคา ไล่ผ่านหน้าอกเนียนสัมผัสหยอกล้อที่เม็ดอัญมณีทั้งสองข้างอย่างสนุกมือเรียกเสียงครางในลำคอของคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าได้ไม่ยาก

          ข้ากลัวว่าม้าจะวิ่งเตลิดตกเขาซือจิ้นกล่าวราวกับเป็นกังวลยิ่ง ทั้งที่ความจริงปลายนิ้วยังไม่ยอมปล่อยยอดอกของเทียนฮั่วให้เป็นอิสระ

          อาชาของข้าเป็นยอดอาชาพันธ์ดีมีชื่อ ซือจิ้น...อะเบาหน่อย ก่อนที่ท่านจะห่วงว่ามันจะวิ่งเตลิดควรเป็นข้าเสียมากกว่าที่จะทนแรงมือของท่านไม่ไหวเทียนฮั่วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เขาไม่คิดว่าซือจิ้นจะทำเช่นนี้กับตนในรถม้า ช่างแปลกใหม่เร้าอารมณ์ยิ่งนัก

          “แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วหรือท่านประมุขหอบุปผชาติผู้ยิ่งใหญ่บุรุษผู้หยิ่งยโสยิ่งกว่าผู้ใดในแว่นแคว้นเอ่ยวาจาเช่นนี้ราวกับว่าตลอดมามิเคยแสดงอาการเย็นชาต่อตนมาก่อน

นี่มิใช่ซือจิ้นที่คงเทียนฮั่วจะรับมือได้ง่ายๆ

องค์รัชทายาทโน้มตัวลงจรดริมฝีปากลงที่หน้าท้องของเทียนฮั่วปลายจมูกจมลงบนผิวเนื้อสีสวย จูบซ้ำไปมาอย่างหลงใหล พระหัตถ์ทั้งสองบีบเค้นสะโพกแน่นของอีกฝ่ายก่อนจะก้มหน้าลงต่ำเริ่มสัมผัสสิ่งที่อยู่ใต้สะดือ

ท่านทำเช่นนี้เสียเกียรติยิ่งเจ้าสุนัขจิ้งจอกแตะปลายคางของผู้สูงศักดิ์ให้เงยพระพักตร์ขึ้นมองตน ทว่าซือจิ้นกลับดึงมือของตนมาจับไว้เสียก่อน

คนเสียเกียรติคือเจ้ามากกว่ากระมัง ที่ผ่านมาเจ้าล่อลวงข้าเทียนฮั่ว ใช้ร่างกายนี้ยั่วยวนข้าราวกับปีศาจจิ้งจอก ร้องครวญคราญใต้ร่างข้าเสียน้ำตาราวกับสตรีในห้องหอ ทั้งหมดนี้เป็นเกียรติของเจ้าต่างหากที่ถูกข้าทำลายคุณชายสามตระกูลคง

องค์รัชทายาทเอ่ยวาจาร้ายกาจยิ่งคนไร้หัวใจยังคงเป็นว่าที่องค์จักรพรรดิแคว้นจิ่นผู้นี้ไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาคู่งามที่เทียนฮั่วหลงใหลมองเรือนร่างของเขาด้วยสายตาว่างเปล่าจนน่าใจหาย เจ้าจิ้งจอกอึดอัดเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก

ซือจิ้นน้ำเสียงแหบถูกเค้นออกมาจากลำคอที่บัดนี้ช่างขมฝาดเพราะอาการขื่นขมในใจ เขาเชิดปลายคางมองพระพักตร์ที่งดงามราวกับรูปสลักก่อนจะเอ่ยวาจา ที่ผ่านมาในท่านไม่เคยมีข้าเลยใช่หรือไม่

ไม่เคย...ในใจข้าไม่เคยมีเจ้า ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือปัจจุบันและในอนาคตใจของข้าล้วนไม่เคยมีเจ้าอยู่

คนเยี่ยงท่านไร้ใจยิ่ง ข้าทราบดีว่านอกจากบัลลังก์คงไม่มีที่ว่างให้สิ่งอื่นอีก แต่เป็นข้าเองที่คิดฝันไปเองว่าเสี้ยวหนึ่งในใจของท่านอาจมีข้าอยู่ในนั้น

ตื่นจากฝันของเจ้าเสียเทียนฮั่ว สิ่งที่ทำให้ข้ายังต้องการเจ้าอยู่คือความฉลาดกับร่างกายเท่านั้นพระหัตถ์อุ่นร้อนแตะลงที่ส่วนอ่อนไหวของประมุขหอนางโลม รูดรั้งขึ้นลงปลุกเร้าอารมณ์อย่างเอาแต่ใจ หัวใจของเจ้าข้าไม่ต้องการ

เป็นข้าที่ดันทุรังเอง ครั้งนี้เองก็เช่นกันคงเทียนฮั่วหัวเราะให้กับความโง่เขลาของตน ก่อนจะโน้มตัวแนบริมฝีปากลงปิดปากคนใจร้ายป้อนจูบให้อย่างดุเดือดถึงใจ ร่างกายแนบชิดจนเกือบจะรวมเป็นหนึ่งทว่าหัวใจกลับเจ็บปวดยิ่งจนน้ำตาใสไหลออกมาจากหางตา

แยกขาออกน้ำเสียงทรงพลังเอ่ยสั่ง เขาทำตามอย่างไม่อิดออดซือจิ้นเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างถูกใจ องค์รัชทายาทมิได้สนใจน้ำตาเม็ดโตที่ประมุขนองนางโลมหลั่งออกมาแม้แต่น้อย

เมื่อเป็นเช่นนี้เทียนฮั่วจึงยกมือปาดน้ำตาออกก่อนจะกรีดยิ้มออกมาพลางยกมือลูบแผ่นอกของตนเองจรดลงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยที่เกิดจากการฝึกวรยุทธ์ จากนั้นมือสวยเลื่อนลงไปยังช่องทางด้านหลังที่ปิดสนิท ออกแรงเค้นคลึงเบิกทางต่อหน้ารัชทายาทผู้ไร้ใจอย่างยั่วยวน

อย่างน้อยท่านก็ยังต้องการร่างกายนี้ของข้า หากไม่ต้องการหัวใจข้าเป็นเรื่องของท่าน ข้ายินดีมอบให้แม้ในอนคตท่านไม่ต้องการมันก็เป็นเรื่องของท่านอีก
แต่จำเอาไว้นะซือจิ้น...เมื่อวันใดหัวใจดวงนี้กลายเป็นของล้ำค่าขึ้นมา วันนั้นท่านจะต้องเสียใจแน่ที่ไม่ยอมรับมันไปตั้งแต่แรก

          คงเทียนฮั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ประมุขหนุ่มหยิบกล่องน้ำมันหอมใบเล็กที่ซ่อนอยู่ในอกเสื้อของซือจิ้นมาเปิดออก ก่อนจะใช้มันล่อลื่นช่องทางด้านหลังพลางส่งเสียงครางออกมาจนทำให้หวงไท่จื่อควบคุมสติไว้ไม่อยู่

          ใส่เข้ามาซือจิ้น เข้ามาในตัวข้า

          เหตุใดต้องดื้อรั้นเยี่ยงนี้

          เพราะท่านไม่รักข้าอย่างไรเล่าเทียนฮั่วโอบรอบคอของว่าที่จักรพรรดิแนบริมฝีปากลงที่ใบหูขาวราวกับเนื้อหยกเบาๆ

          เมื่อซือจิ้นถูกอีกฝ่ายยั่วยวนปลุกเร้ามาถึงขั้นนี้จึงไม่รอช้าอีก ปลดเชือกรัดเอวที่เหนี่ยวรั้งอาภรณ์ไว้ออก รีบเร่งล้วงความเป็นชายของตนสอดใส่เข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนที่ถูกตระเตรียมมาแล้วอย่างรวดเร็ว

          เทียนฮั่วหวีดเสียงเนื้อตัวสั่นเทิ้มสะดุ้งตัวโยนจนองค์รัชทายาทต้องกดศีรษะของเขาไปซบลงกับไหล่กว้าง การกระทำเช่นนี้ราวกับเขาได้รับการปลอบประโลมจะอีกฝ่าย

          ซือจิ้นอ่อนโยนเช่นนี้หัวใจดวงน้อยในอกสั่นไหวอย่างมีความหวังไม่น้อย

          ถึงข้าจะปากร้ายแต่ก็รู้จักรักษาของดั่งกับว่าถูกอ่านใจเสียงทุ้มเอ่ยกล่าวในขณะที่ค่อยๆดึงสิ่งใหญ่โตออกอย่างเชื่องช้าก่อนจะดันเข้ามาใหม่ ทำซ้ำไปมาให้คนที่ซบบ่าแกร่งอยู่เกิดความเคยชิน

          แท้จริงท่านเห็นข้า อ๊ะ...เป็นสิ่งของหรือจังหวะเข้าออกหนักขึ้นจนประโยคที่เอ่ยถามปนด้วยเสียงร้องคราง ซือจิ้นไม่ตอบกลับทันทีเพราะเอาแต่เสพสมกับความสุขความอุ่นร้อนภายในร่างกายที่บีบรัดอยู่ แรงกระแทกแรงขึ้นเรื่อย ๆ สอดรับกับแรงสั่นสะเทือนของรถม้า

          แล้วแต่เจ้าจะคิด อยากเป็นสิ่งของก็เป็นไปแล้วแต่เจ้าบุรุษรูปงามส่งเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยแรงของอารมณ์ตอบกลับ เมื่อเจ้าสุนัขจิ้งจอกได้ยินเช่นนั้นก็โอบรอบคอเกี่ยวขารั้งให้อีกฝ่ายแนบชิดยิ่งกว่าเดิม

          อื้อ...เช่นนั้นท่านคงต้องหวงสิ่งของด้วย ห้ามยกข้า...อะ...ห้ามยกข้าให้ใคร ซือจิ้นกระแทกกระทั้นเข้ามายังไม่ยอมผ่อนแรงลงแม้แต่น้อย ทำเอาเขาสำลักความสุขออกมาหยาดน้ำตาไหลลงตามอารมณ์เสียวซ่านที่ได้รับ ร่างกายสมส่วนของประมุขหอนางโลมอ่อนระทวยเมื่อถูกเสียบลึกถูกจุดอ่อนไหวภายในร่างซ้ำๆ

          เขาปลดปล่อยออกมาเพราะทนแรงบีบคั้นไม่ไหว เนื้อตัวร้อนขึ้นความรู้สึกพรั่งพรูไร้เรี่ยวแรงทว่าซือจิ้นยังตั้งหน้าตั้งตากระแทกท่อนเนื้อเข้ามาโดยไม่คิดว่าจะทำให้เขาเจ็บหรือไม่

          รถม้าสั่นไหว อาชาพันธ์ดีทำหน้าที่ของมันได้ยอดเยี่ยมแรงกระทบกระเทือนจากล้อทั้งสี่ส่งต่อมาที่ภายในรถ บุรุษทั้งสองที่ร่วมรักกันอย่างร้อนแรงไม่หยุดหย่อนไม่สนว่าอีกไม่นานจะถึงจุหมายเต็มที

          ข้าไม่มีวันยกเจ้าให้ใครแน่ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปยังใบหน้าของอดีตที่ปรึกษาของตนก่อนจะเร่งจังหวะสุดท้ายแล้วดึงส่วนใหญ่โตออกมาจากช่องทางด้านหลังที่เขาติดใจ และปล่อยน้ำอุ่นสายหนึ่งลงบนหน้าท้องของคงเทียนฮั่ว โน้มกายลงแนบริมฝีปากลงบนลำคอหอมกรุ่นขบเม้มฝากรอยรักไว้แสดงความเป็นเจ้าของ จำไว้เทียนฮั่วเจ้าเป็นของข้า


-กลับไปอ่านต่อที่เด็กดีค่ะ- 

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2562

NC:จิวฮวา #กุกมินไร้พ่าย


NC:จิวฮวา #กุกมินไร้พ่าย -บุปผาบานสะพรั่ง-




-nc-บุปผาบานสะพรั่ง




พยัคฆ์หนุ่มแนบริมฝีปากลงกับหน้าผากอุ่นของคนรัก พลางปลดเสื้อตัวนอกของจิวเมิ่งออกจนอีกฝ่ายเนื้อตัวเปลือยเปล่า


จิวเมิ่งทำตัวไม่ถูก เมื่อถูกแม่ทัพไร้พ่ายผู้ดำรงตำแหน่งเป็นถึงชินอ๋องมาปรนนีบัติรับใช้เขาอาบน้ำเยี่ยงนางกำนัลและขันทีเช่นนี้ นี่ไม่ดีเลย...ทว่าไม่ทันได้เอ่ยห้าม จินเกอก็บิดผ้าชุบน้ำอุ่นถูเนื้อตัวให้เขา ใช้น้ำล้างสิ่งสกปรกออก แม้กระทั่งรอยแผลที่เปื้อนเลือดเองก็ถูกอีกฝ่ายเช็ดล้างออกจนหมด


เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรจงเร่งสั่งมา” แม่ทัพใหญ่แห่งแว่นแคว้นเอ่ยบอก

ในยามนี้ชินอ๋องเจ้าจินเกอกำลังคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่เบื้องหน้าเขาที่บัดนี้ไร้อาภรณ์ใดคลุมกาย


แม้ว่าเขาจะเขินอายไม่น้อยที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย แต่การที่พยัคฆ์ไร้พ่ายผู้นี้คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเขา ปรนนีบัติกับเขาอย่างระมักระวังราวกับเขาเป็นเจ้านายผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง

บุรุษผู้อหังการที่ทั้งใต้หล้ายอมสยบกำลังวางศักดิ์ศรีก้มหัวลงให้เขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น เจ้าจินเกอยอมให้เขามาถึงเพียงนี้จะให้เขามัวขัดเขินได้หรือ...

ตอนนี้ท่านอ๋องเจ้าจะเล่นบทเป็นข้ารับใช้ แล้วให้ข้าเป็นนายน้อยของท่านหรือ?” จิวเมิ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า


เจ้าอยากให้ข้าเป็นวัวเป็นควายข้าก็จะเป็นให้ ขอเพียงแค่เจ้าสั่งมาเท่านั้น” คาดไม่ถึงว่าคำตอบของผู้หยิ่งทะนงเช่นเจ้าจินเกอจะตอบกลับมาเช่นนี้ การกระทำของอีกฝ่ายหลังจากกล่าวจบชวนให้ตกตะลึงยิ่งกว่า

ชินอ๋องตระกูลเจ้าโน้มตัวลงจรดริมฝีปากลงบนข้อเท้าขาวของจิวเมิ่งอย่างแผ่วเบา...ในใจของจิวเมิ่งแทบจะระเบิดตูมตามออกมาด้านนอก


ทั้งที่เจ้าจินเกอสูงศักดิ์ปานเขาไท่ซาน บุรุษผู้นี้กลับกดตัวเองลงมา ยอมเป็นวัวเป็นควายให้เขาดั่งที่กล่าวจริงๆ

อย่าทำเช่นนี้ ท่านเป็นคนรักของข้าไม่ใช่ข้ารับใช้” เขาอ่ยเสียงสั่น พลางหดขาเข้าหาตัว ทว่าจินเกอกลับโอบรั้งขาทั้งสองข้างของเขาไว้เสียก่อน


เป็นสิ่งที่ข้าต้องการทำ จิวเมิ่งข้าอยากจูบเจ้าทั้งตัว ไม่ใช่แค่ข้อเท้าข้างนี้เท่านั้น

...

ที่ข้าจะจูบคือฝ่าเท้าทั้งสองข้างของเจ้า ข้อเท้า แขนขา ฝ่ามือเล็กน่ารักคู่นี้  ก่อนจะไล้เลียชมรสหวานของเม็ดเล็กๆสีสวยที่หน้าอกทั้งสองของเจ้า ขบเม้มไปทั่วลำคอขาว ใบหูทั้งสอง สูดกลิ่นหอมที่แก้มกลมๆของเจ้า แล้วจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่ม ขออยากประทบตราความเป็นเจ้าของว่าดวงตาคู่นี้ของเจ้า เรือนผมงามที่ข้ากำลังลูบไล้มันอยู่ในตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งร่างกายและหัวใจของเจ้าข้าล้วนมีเป็นเจ้าของ ข้าหวังว่าเจ้าจะให้ข้าได้เป็นเจ้าของทั้งหมดนั้น

แม่ทัพเจ้าเอ่ยวาจาแสดงว่าต้องการของตนออกมาทั้งหมด ดวงตาคมของพยัคฆ์จับจ้องเรือนร่างเปลือยเปล่าของเขาอย่างไม่วางตา จ้องมองจนผิวเนื้อของเขาร้อนผ่าว

ใบหน้าขององค์ชายสามแดงก่ำ เมื่อสบสายตาเข้ากับดวงตาร้อนแรงที่จ้องมองของเจ้าจินเกอ จิวเมิ่งต้องขบเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นความขวยเขิน


จิวเมิ่ง” มือสากลูบแก้มองค์ชายสามอย่างแผ่วเบา เจ้าลูกแมวแนบแก้มลงกับมือข้างนั้นอย่างออดอ้อนรอฟังคำพูดต่อไปของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ “เป็นของข้าได้หรือไม่


ทุกอย่างของข้าล้วนเป็นของท่านมานานแล้ว ท่านไม่จำเป็นลดเกียรติของตนลงถึงเพียงนี้เลย


ข้าตั้งใจวางหัวใจไว้บนมือของเจ้าแล้ว เลือดเนื้อ เกียรติ ศักดิ์ศรี ทั้งหมดย่อมต้องมอบให้เจ้าด้วย


ถ้าเช่นนั้น ข้าขอสั่งท่าน” จิวเมิ่งเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย ยกนิ้วชี้ขึ้นไปจี้มบนอกอกแกร่งของอีกฝ่ายพลางออกคำสั่ง “ถอดเสื้อผ้าออกเสีย


ขอรับนายน้อย” จินเกอตอบรับคำสั่ง

มือหนาปลดเชือกคาดเอวออก ถอดเสื้อตัวนอก ก่อนจะสะบัดอาภรณ์ตัวในออกตามอย่างรวดเร็ว ร่างกายกำยำปรากฏแก่สายตาของเขาอย่างเต็มตา กล้ามแขนแน่น แผ่นอกหนา กล้ามหน้าท้องของแม่ทัพเจ้าเรียงตัวกันสวยงามราวกับภาพวาดของปรมาจารย์ศิลปะแห่งยุค และเมื่อเขาไล่สายตาลงไป...จิวเมิ่งก็พบกับแท่งหยกพันปีของท่านแม่ทัพ

ขนาดเหมาะสมกับสมญานามพยัคฆ์ผู้ไร้พ่าย อาวุธส่วนนั้นของเจ้าชินอ๋องมิแพ้ผู้ใด

เขาไม่ได้เขินอายม้วนเป็นสตรีแรกรุ่นที่เห็นตรงนั้นของเพศชายแล้วกรีดร้อง จิวเมิ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้เล็ก พลางขยับกายเข้าไปสัมผัสรอยแผลเป็นที่อยู่บนร่างกายพยัคฆ์ไร้พ่ายผู้นี้สัมผัสทีละรอยอย่างใส่ใจยิ่ง


รอยแผลเป็นมากถึงเพียงนี้ ในยามนี้ยังเจ็บปวดอยู่หรือไม่” เขาเอ่ยถามพลางลูบแผลเป็นขนาดใหญ่ที่อยู่บนหน้าอกซ้ายของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ไม่กล้าคิดเลยว่าเหตุใดบนร่างกายของคนๆนี้จะเต็มไปด้วยร่องรอยคมหอกคมดาบมากขนาดนี้


ไม่เจ็บแล้ว แผลที่หน้าอกนี้ที่เจ้าสัมผัสอยู่ ข้าได้มาตอนอายุสิบห้า หลังจากที่บิดาข้าถูกสังหารข้าจึงต้องนำทัพออกรบแทน แม่ทัพฝ่ายศัตรูแทงข้า ข้าบาดคอมันคืน นับเป็นบาดแผลแห่เกียรติยศ” จินเกอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ทว่าช่างหนักหน่วงหัวใจผู้ฟัง


เด็กชายอายุแค่สิบห้าคนหนึ่ง สูญเสียบิดาในสงคราม อีกทั้งยังต้องเข้าสู่สนามรบตัดสินเป็นตายกับศัตรูนับแสนตั้งแต่ยังเยาว์

เจ้าจินเกอนับว่าจิตใจแข็งแกร่งดุจหินผา หากเปลี่ยนเป็นตน เกรงว่าคงไร้ลมหายใจ ตายอยู่ในสมรภูมินานแล้ว


จิวเมิ่งลูบแผลเป็นขนาดใหญ่นี้อีกครา ก่อนตัดสินใจโน้มตัวจรดริมฝีปากลงบนรอยแผลเป็นนั้น เขาได้ยินเสียงหัวใจของแม่ทัพใหญ่เต้นผิดจังหวะ จิวเมิ่งยกแขนอ้าออกก่อนจะโอบกอดร่างกายสูงใหญ่ของอีกฝ่ายไว้แน่น หวังว่าอ้อมกอดนี้ของตนจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่ผ่านมาทั้งหมดของอีกฝ่ายได้บ้าง

ให้ข้าเป็นของท่านเถอะท่านจินเกอ


เสี่ยวเมิ่ง” น้ำเสียงของท่านแม่ทัพแหบพร่า ใบหูเปลี่ยนสี

ไม่รอช้าจินเกอโอบรัดเจ้าลูกแมวแน่น ก่อนจะฝั่งหน้าลงขบเม้มเนื้ออ่อนบนไหล่เนียนอย่างหมั่นเขี้ยว เสียงอื้ออึงของจิวเมิ่งดังอยู่ข้างหูปลุกเร้าอารมณ์ของพยัคฆ์หนุ่มพุ่งพล่าน จนเส้นความอดทนขาดสะบั่น


จิวเมิ่งตอบรับสัมผัสหนักหน่วงของอีกฝ่ายด้วยการโอบรอบคอของพยัคฆ์หนุ่ม พลางแนบริมฝีปากอุ่นร้อนนุ่มนวลหยอกเย้าพัวพันกับจินเกอ

บุรุษผู้หนึ่งถูกคนในดวงใจจุมพิตเอาอกเอาใจเช่นนี้ เป็นผู้ใดก็ยากจะทานทน สิ่งใหญ่โตตรงหว่างขาของแม่ทัพเจ้าก็ค่อยๆแข็งขึ้น ลมหายใจทั้งสองค่อยๆ ถี่กระชั้น มือหยาบของจินเกอค่อยๆลูบไล้ไปสัมผัสทั่วร่างของจิวเมิ่ง

เพราะเกรงว่าบาดแผลที่ต้นขาจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ เจ้าชินอ๋องจึงโอบตัวเจ้าลูกแมวอุ้มขึ้นแนบอก ก่อนจะเดินดุ่มๆออกจากม่านกั้น

จินเกอวางร่างน้อยลงบนเตียงนอน ก่อนจะคร่อมทับจิวเมิ่งจนไร้ช่องว่าง ริมฝีปากอุ่นร้อนจูบยอดอดเล็กอย่างแผ่วเบา แล้วใช้ปลายลิ้นหยอกเย้า

จิวเมิ่งกลั้นเสียงร้องไว้ในลำคอจนใบหน้าแดงฉาน จินเกอเห็นเช่นนั้นจึงจูบลงไปตามทรวงอก ไล้ลงไปถึงหน้าท้องเนียนขบเม้มริมฝีปากถ่ายทอดน้ำหนักลงเล็กน้อยให้เกิดรอยแดงสองสามรอย เมื่อเขาพอใจแล้วจึงเลื่อนใบหน้าลงไปจับจ้องจิวเมิ่งน้อยที่หว่างขาของเจ้าลูกแมว 

จะ..จินเกอ” องค์ชายสามเสียงสั่นเมื่อขาทั้งสองขาถูกแม่ทัพใหญ่แห่งแว่นแคว้นจับแยกออกจากกัน ลมหายใจของจิวเมิ่งติดขัดเมื่อถูกอีกฝ่ายจับจ้องไปที่ส่วนอ่อนไหวของร่างกาย

จินเกอลูบไล้ส่วนอ่อนไหวอย่างเอาใจใส่ยิ่ง ก่อนจะหันข้างไปหยิบกล่องใบเล็กที่วางอยู่ข้างที่นอนมาเปิดใช้

ที่แท้ท่านเตรียมมันไว้แต่แรก!” จิวเมิ่งเอ่ยเสียงดังจนเกือบจะกลายเป็นเสียงตะโกนเมื่อเห็นว่าภายในกล่องนั้นคือสิ่งใด



หากไม่มีสิ่งนี้เจ้าอาจลุกจากเตียงไม่ได้เป็นเดือน” จินเกอกล่าวพลางแตะไขน้ำมันหอมที่ได้มาจากประมุขหอนางโลมคงเทียนฮั่ว ทาลงบนประตูหลังของเจ้าลูกแมว ก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตริมฝีปากอิ่มแล้วสอดนิ้วเข้าไปภายในช่องทางด้านหลังของเสี่ยวเมิ่งอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว


กลิ่นไขน้ำมันหอมที่มีส่วนผสมเกสรดอกไม้ ส่งกลิ่นหอมสดชื่นจนจิวเมิ่งเคลิ้มฝันไปกับสิ่งที่จินเกอกำลังลงมือปรนนิบัติตน พยัคฆ์หนุ่มสอดนิ้วเข้าออกอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม ก็คาดคะเนว่าเจ้าลูกแมวของเขาคงพร้อมแล้วจึงทาไขน้ำมันหอมลงบนแท่งหยกของตนเองจนชุ่ม

แม่ทัพเจ้าไม่เอ่ยกล่าววาจาใด เขาจับขาของจิวเมิ่งแยกออกกว้างก่อนจะค่อยๆดุนดันสิ่งนั้นของตนเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มของเสี่ยวเมิ่งอย่างเชื่องช้า


องค์ชายน้อยรู้สึกตัวตอนที่สิ่งใหญ่โตนั้นถูกสอดใส่เข้ามา ความจุกเสียดทำให้เขาขมวดคิ้วเป็นปม กล้ามเนื้อบริเวณช่องทางด้านหลังเคร่งเครียดเกร็งแน่นถึงขีดสุด ความรู้สึกเจ็บราวกับร่างกายถูกฉีกออกทำให้เขากลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่อยู่

บุรุษแซ่เจ้าเห็นว่าเนื้อตัวลูกแมวน้อยของตนสั่นเทิ้มไม่หยุด จึงโอบกอดอีกฝ่ายแน่น ยิ่งเห็นน้ำตาของจิวเมิ่งเขายิ่งทำอันใดไม่ถูก

ข้าจะไม่ฝืนดันเข้าไป เสี่ยวเมิ่งอย่าร้องเลยนะ” จินเกอเห็นอีกฝ่ายหายใจหอบ น้ำตาไหลลงเปียกหมอนก็รู้สึกไม่ดี เขากดริมฝีปากจูบกระหม่อมบางของเสี่ยวเมิ่งอย่างแผ่วเบาพลางเอ่ยวาจาปลอบประโลมคนรัก


การกระทำทะนุถนอมเช่นนี้ทำให้จิวเมิ่งตื้นตันใจยิ่ง เขาสูดลมหายใจเข้าออกลึกเฮือกหนึ่ง รอคอยให้ความเจ็บปวดเบาบางลง ก่อนจะเอ่ยกล่าวให้อีกฝ่าย “ข้าอยากให้ท่านใส่เข้ามา...ทั้งหมด


พยัคฆ์หนุ่มได้ฟังเช่นนั้นก็กลืนน้ำลาย ลมหายใจถี่กระชันขึ้น พลางค่อยๆออกแรงดันเข้าทีละนิดๆ จิวเมิ่งขบเม้มริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง พลางสูดลมหายใจเข้าลึกอีกหลายครั้ง จนพบว่าทั้งหมดนั้นอยู่ภายในตัวเขาแล้วก็อดประหลาดใจไม่ได้...

คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรับทั้งหมดนั้นเข้ามาภายในตัวได้

 “เจ้าเจ็บมากไหม” เจ้าจินเกอบีบนวดเสะโพกของเขา เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

จิวเมิ่งส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะปิดเปลือกตาลง สัมผัสความรู้สึกแน่นอุ่นภายในตัว เขารู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่ทราบอย่างหนึ่งคือมันไม่ได้เจ็บเหมือนตอนที่จินเกอสอดใส่เข้ามาในตอนแรกแล้ว


เสี่ยวเมิ่งของข้า” จินเกอเห็นท่าทางโอนอ่อนผ่อนตามของเจ้าลูกแมวก็เริ่มขยับกายเข้าออก

เจ้าชินอ๋องดึงตัวเองออกมาจนเกือบสุด ก่อนจะดันกลับเข้าไปทั้งหมดเป็นจังหวะเชื่องช้าทว่าหนักหน่วง จิวเมิ่งส่งเสียงร้องออกมาตามจังหวะนั้นอย่างเสียวซ่าน เสียงครวญครางของคนที่อยู่ใต้ร่าง กระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าในตัวของพยัคฆ์หนุ่ม  

แม่ทัพเจ้าเพิ่มแรงกระแทก ออกแรงหนักหน่วงดุดันเพิ่มเรื่อยๆ เสียงร้องขององค์ชายน้อยเองก็เปลี่ยนจังหวะตามแรงกระแทกนั้น


 “อ่า ๆ ๆ...” ความสุขสุดขีดก่อตัวขึ้นที่ลำตัวส่วนหน้าของจิวเมิ่ง

องค์ชายน้อยถูกพรากสติไปจนแทบหมดสิ้น เมื่อจินเกอเอื้อมมือมาจับแท่นหยกของเขาชักเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกับแรงกระแทกด้านหลัง

เจ้าชินอ๋องใช้นิ้วขยี้ยอดอกของเขาอย่างไร้ปราณี จิวเมิ่งร้องครางจนเสียงแหบแห้ง อีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นก็โน้มตัวลงมาจูบเขาจนอ่อนระทวย

ใต้ร่างพยัคฆ์ใหญ่ที่ยังกระแทกเข้าออกใส่ช่องทางด้านหลังของเขาไม่หยุดนั้นเจ้าลูกแมวถูกรุกล้ำปลุกเร้าจนสติเกือบจะหลุดลอยออกไปจากร่าง

ชอบที่กระหม่อมทำหรือไม่พะยะค่ะองค์ชาย” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์ใคร่ของแม่ทัพใหญ่เอ่ยกระซิบถามที่ใบหูเล็ก จินเกอกระแทกสะโพกเข้าออกอย่างแรงก่อนจะขบเม้มติ่งหูของเขาจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว

ชะ...ชอบ จินเกอข้ารักท่าน” จิวเมิ่งกล่าวตอบ ก่อนจะครางเสียงสั่น หายใจกอบ เมื่อถูกอีกฝ่ายเสียบลึกโดนจุดอ่อนไหวภายในร่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า


ข้าเองก็รักเจ้า หลงเจ้าจนหัวปักหัวปำ” แม่ทัพใหญ่เพิ่มแรงกระแทกอีกเท่าตัว เสียงเนื้อกระทบกันดังป้าบๆ ความรู้สึกเสียวซ่านจู่โจมจิวเมิ่งจนอดหลั่งน้ำตาออกมามิได้ ทำได้เพียงเสียงร้องครางขาดๆหายๆ เห็นเช่นนั้นจินเกอจึงผ่อนจังหวะลง

พยัคฆ์หนุ่มส่งยิ้มเอ็นดูมาให้คนใต้ร่าง พลางกดจูบหางตาที่เปียกน้ำตาของเจ้าลูกแมว จินเกอกระทำทั้งหมดโดยที่ยังสอดตัวเข้าออกในร่างกายเล็กเป็นจังหวะไม่หยุดนิ่ง

เนื้อตัวของเจ้าลูกแมวแดงก่ำ ส่วนอ่อนไหวเริ่มหลั่งน้ำขาวขุ่นออกมาไม่น้อย องค์ชายสามเสียวซ่านจนน้ำตาเขาคลอเบ้าอีกหน

จะไม่ไหวแล้วท่านแม่ทัพจินเกอข้าจะไม่ไหวแล้ว!” จิวเมิ่งหอบหายใจร้องบอก ความรู้สึกพรั่งพรูไปทั้งร่าง ยิ่งถูกมือใหญ่รูดรั้งส่วนอ่อนไหวราวกับรีดนมวัวเช่นนี้ เขาใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางเต็มที

ข้าเองก็ใกล้จะถึงแล้วเสี่ยวเมิ่ง” แม่ทัพใหญ่กล่าวตอบเสียงกระเส่า


จิวเมิ่งหวีดร้องเมื่อเจ้าจินเกอเสียบลึกเข้ามาในร่างกายของตน แรงเสียดสีภายในกายป่วนปั่น แม่ทัพเจ้าโอบกอดเขาแน่นก่อนจะจุมพิตริมฝีปากของเขาแรงๆ

ไม่นานนักองค์ชายสามก็ปลดปล่อยเนื้อตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง อีกทั้งยังรู้สึกได้ว่าเจ้าจินเกอได้ปล่อยน้ำอุ่นสายหนึ่งอยู่ในร่างตน ทว่าเมื่อเสร็จแล้วแม่ทัพใหญ่ยังคงไม่ถอดกายออก ริมฝีปากยังขบเม้มสอดลิ้นพัวพันกับเขาไม่เลิก

จนจิวเมิ่งยกมือทุบอกแกร่งสองสามที พยัคฆ์หนุ่มจึงยอมถอนริมฝีปากออก น้ำใสเชื่อมติดมุมปากของจิวเมิ่งเป็นภาพที่ชวนให้ลุ่มหลง ทว่ากลิ่นคาวของโลหิตบังคับให้เจ้าจินเกอต้องหยุดมือ

เขาค่อยๆถอนตัวออกจากตัวของเจ้าลูกแมว จ้องมองแผลที่ต้นขาอย่างเคร่งเครียด